อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ เปิดใจหนแรกหลังย้ายจาก ไบรจ์ตัน เผย 2 เหตุผลเลือกซบ ลิเวอร์พูล ทีมร่วมพรีเมียร์ลีก
วันที่ 8 มิถุนายน 2566 อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ให้สัมภาษณ์เปิดใจครั้งแรก หลังย้ายจาก ไบรจ์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน มาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ทีมร่วมศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ด้วยสัญญา 5 ปี ค่าตัวเบื้องต้น 35 ล้านปอนด์ (1,505 ล้านบาท) และจะเพิ่มเป็น 55 ล้านปอนด์ (2,365 ล้านบาท) ตามผลงานในอนาคต
อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ วัย 24 ปี จะสวมเสื้อลิเวอร์พูล หมายเลข 10 สืบทอดเบอร์เสื้อต่อจาก ซาดิโอ มาเน อดีตขวัญใจแฟนบอล “เดอะ ค็อป” ในถิ่นแอนฟิลด์ โดยฤดูกาลที่แล้ว เบอร์ 10 ของ “หงส์แดง” ได้ว่างลง หลังจากกองหน้าทีมชาติเซเนกัล ย้ายไป บาเยิร์น มิวนิก ยักษ์ใหญ่บุนเดสลีกา เยอรมัน
ทั้งนี้ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ย้ายจาก อาร์เจนติโนส จูเนียร์ส มาอยู่กับ ไบรจ์ตัน เมื่อปี 2019 ลงสนามทั้งสิ้น 112 นัด ทำ 20 ประตู 9 แอสซิสต์ พา “นกนางนวล” จบอันดับ 6 พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลล่าสุด พร้อมตีตั๋วไปลุยยูโรปาลีก ซึ่งเป็นโควตาถ้วยยุโรปครั้งแรกของสโมสร นับตั้งแต่ก่อตั้งมา 121 ปี
ส่วนทีมชาติอาร์เจนตินา อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ เป็นกำลังสำคัญของกุนซือ ลิโอเนล สกาโลนี ชุดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ ซึ่งทำให้ ลิเวอร์พูล ประทับใจในผลงาน ก่อนเซ็นสัญญาคว้าตัวมาร่วมทีมในที่สุด
ด้าน อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ เผย 2 เหตุลที่ตัดสินใจย้ายมา ลิเวอร์พูล ว่า “ตั้งแต่ผมคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ผมพูดว่าผมอยากคว้าแชมป์มากขึ้นอีก และผมคิดว่าสโมสรนี้จะช่วยให้ผมทำเช่นนั้นได้ นั่นคือเป้าหมาย และเมื่อคุณอยู่กับสโมสรใหญ่แบบนี้ คุณต้องคว้าแชมป์ต่างๆ และนั่นเป็นสิ่งที่ผมต้องการ”
“ตั้งแต่ที่ผมมาถึงที่นี่ ผมเห็นได้ว่าสโมสรนี้ยิ่งใหญ่แค่ไหน ทั้งเหล่านักเตะที่เรามี ทีมงาน และทุกๆ คน ผมพอใจมากๆ และตั้งตาคอยที่จะลงเล่นให้สโมสรแห่งนี้”
เจ้าของเบอร์ 10 คนใหม่ของ ลิเวอร์พูล ยังบอกอีกว่า “นี่คือฝันที่เป็นจริง มันยอดเยี่ยมมากที่ได้มาอยู่ที่นี่ และรอไม่ไหวที่จะได้เริ่มต้นแล้ว ผมอยากอยู่ที่นี่ตั้งแต่วันแรกของปรีซีซั่น มันจึงเป็นเรื่องดีที่ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมตั้งตาคอยที่จะได้เจอเพื่อนร่วมทีมใหม่แล้ว”
“มันเป็นปีที่ยอดเยี่ยมสำหรับผม ทั้งฟุตบอลโลก และสิ่งที่เราทำสำเร็จกับ ไบรจ์ตัน แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่ผมจะคิดถึง ลิเวอร์พูล และพยายามเป็นนักฟุตบอลที่เก่งขึ้น ตลอดจนเป็นคนที่ดีขึ้นในทุกๆ วัน”.
*ขอบคุณภาพจาก www.liverpoolfc.com
Source: thairath.co.th