โลดแล่นและครองใจแฟน ๆ ทั้งประเทศมาอย่างยาวนานสำหรับพระเอกสุดหล่อณเดชน์ คูกิมิยะ ที่ไม่ใช่แค่เรื่องฝีมือการแสดงเท่านั้นที่แฟน ๆ ชื่นชอบ แต่เรื่องอุปนิสัย ความเป็นกันเอง ไม่ถือตัวและน่ารักเสมอกับทุก ๆ คน ทำให้เขาก้าวเข้าไปอยู่ในใจของแฟน ๆ ทั้งประเทศได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากใครได้ติดตามณเดชน์จะทราบดีว่าเขาเป็นอีกหนึ่งคนบันเทิงคุณภาพที่ทำงานแสดงด้วยความรักและใส่ใจกับการทำงาน พร้อมทั้งพัฒนาตัวเองอยู่เสมอเพื่อให้แฟน ๆ ของเขาได้ชมผลงานที่ดีที่สุด
โลดแล่นและครองใจแฟน ๆ ทั้งประเทศมาอย่างยาวนานสำหรับพระเอกสุดหล่อณเดชน์ คูกิมิยะ ที่ไม่ใช่แค่เรื่องฝีมือการแสดงเท่านั้นที่แฟน ๆ ชื่นชอบ แต่เรื่องอุปนิสัย ความเป็นกันเอง ไม่ถือตัวและน่ารักเสมอกับทุก ๆ คน ทำให้เขาก้าวเข้าไปอยู่ในใจของแฟน ๆ ทั้งประเทศได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากใครได้ติดตามณเดชน์จะทราบดีว่าเขาเป็นอีกหนึ่งคนบันเทิงคุณภาพที่ทำงานแสดงด้วยความรักและใส่ใจกับการทำงาน พร้อมทั้งพัฒนาตัวเองอยู่เสมอเพื่อให้แฟน ๆ ของเขาได้ชมผลงานที่ดีที่สุด เราจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลายคนชื่นชอบงานของเขา ล่าสุดณเดชน์ได้ทุ่มเทสุดพลังกับการถ่ายทำภาพยนตร์สุดปังเรื่อง “ธี่หยด 2” และกวาดรายได้อย่างถล่มทลายทั้งในประเทศและนอกประเทศ
งานนี้ “บันเทิงเดลินิวส์” พลาดไม่ได้ ต้องไปคว้าตัวหนุ่มณเดชน์มาเล่าแง่มุมต่าง ๆ ในชีวิตสักหน่อยว่าทำไมปีนี้เขาถึงมีผลงานหลากหลายอย่างมาก ๆ และเรื่องความรักกับหวานใจนางเอกดัง “ญาญ่า อุรัสยา” เป็นอย่างไร แล้วทำไมถึงตกหลุมรักเขา มาหาคำตอบไปด้วยกันเลย
นิยามความรักของณเดชน์เป็นแบบไหน?
“ผมว่าการรักคือการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข โดยที่เรามองเห็นถึงความสำคัญของความสุขของกันและกัน ไม่ใช่ของผมคนเดียว หรือของคู่รักของเราอย่างเดียว จนเราลืมความสุขของเราไป มันคือความบาลานซ์ความสุขที่เรามีและความสุขที่เราอยากจะมอบให้กับคนที่เรารัก มันอาจจะไม่ใช่คำนิยามที่เป็นคำเฉพาะตายตัว ผมรู้สึกว่ามันคือการได้รับและการให้ คือความรักที่สมบูรณ์แบบที่สุด มันคือความรัก การตามหาหรือความสุขอะไรก็แล้วแต่ มันเป็นการยินยอมให้แก่กัน เหมือนกันผมรู้สึกว่าเมื่อเรามองเห็นตรงนี้แล้ว มันทำให้ความรักของเรามีความสุข แม้กระทั่งความรักของตัวเอง ถ้าเราให้คนอื่นหมดจนเราไม่ได้รับอะไรเลย ผมก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ความสุขเหมือนกัน เพราะมันอยู่ที่การบาลานซ์ความรัก”
รีวิว “ญาญ่า อุรัสยา” หวานใจสักหน่อย เพราะอะไรถึงตกหลุมรักเขา?
“ให้ไปเลยหนึ่งพันดาวครับ (หัวเราะ) ห้าดาวไม่ต้อง ญาญ่าเป็นคนที่ผมรู้สึกว่าผมอยู่กับเขาแล้วผมมีความสุขมาก ๆ ทุก ๆ วันมันไม่มีวันไหนที่เราไม่หัวเราะใส่กัน คิดว่าหลาย ๆ คนก็เป็นนะ คนที่มีแฟนสิ่งที่เขาเรียกว่าเสียงสอง มันจะมีโหมดนี้อยู่ในคู่รักทุกคู่ ความขี้อ้อน ความขี้เก๊ก ความโรแมนติก ความขี้หึง ความเป็นห่วง ความหวง หรือแม้กระทั่งความอยากที่จะเซอร์ไพรส์เขา ผมว่าเขาให้ผมหมดเลย ผมรู้สึกได้ว่าเขาให้ผมเป็นความสำคัญแรกในการตัดสินใจเสมอ ซึ่งนั่นมันเป็นคุณค่ามหาศาลมาก ๆ สำหรับความรักที่ผมได้รับจากเขา แล้วมันทำให้เราต้องบาลานซ์ความรักของเรา เพราะฉะนั้นถ้าเราได้รับมาเยอะ ๆ แล้วเราก็ควรที่จะให้เขาคืนไปบ้าง ผมโชคดีมาก และผมก็หวังว่าเขาจะโชคดีเหมือนกันที่เขามีผม”
จากวันนั้นที่แฟน ๆ เชียร์คู่จิ้นเป็นคู่จริงและจะเป็นคู่ชีวิตกันแล้วในอนาคตมีอะไรที่เปลี่ยนไปบ้าง?
“ผมว่าพอเราพอโตขึ้น แล้วเราได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เรามองอนาคตไปพร้อม ๆ กัน สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าผมเปลี่ยนไปเลยคือการที่ผมกล้าที่จะแชร์ความคิดความรู้สึก แต่ก่อนผมเป็นคนที่ค่อนข้างจะปิดตัวเองเก็บความคิดตัวเองอยู่ตลอดเวลา ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับการที่เราจะเดินทางไปในความเป็นคู่ชีวิต ต่อให้จะเป็นแค่แฟนก็เถอะ อาจจะไม่ใช่คู่หมั้น หรือคนที่จะแต่งงานกัน แต่การสื่อสารเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ผมได้เรียนรู้ว่าการสื่อสารที่ดีมันทำให้ชีวิตคู่ของเรามันสมบูรณ์แบบมากที่สุดเท่าที่มันจะเป็นไปได้ มันอาจจะไม่ได้เพอร์เฟกต์ในทุก ๆ วัน เพราะว่าด้วยอะไรก็ตาม บางครั้งอากาศไม่ดีตื่นมาก็งัวเงียกันแล้วง่วงหนาวหาวนอนกัน ผมรู้สึกว่าคอนเวอร์ชันของการคุยกันมันเปลี่ยนไปจากแต่ก่อนเริ่มแรก อาจจะลุกให้เขานั่งเก้าอี้ เช็กเทปอยู่ด้วยกัน ถ้าพูดถึงประสบการณ์การทำงานเดินทางไปด้วยกันในฐานะแสดงที่ทำให้เราได้รู้จักกัน ความเป็นห่วงเป็นใยมันก็มีมากขึ้น แต่ก่อนบทสนทนาอาจจะเป็นการพูดแกล้งเขา แบบทำให้มีเรื่องคุยกับเขาบางทีก็ด่าหรือแซวอะไรอย่างนี้ แต่พอโตขึ้นมาเรื่อย ๆ การสนทนามันก็เปลี่ยนไปมันเป็นอะไรที่ค่อนข้างที่จะลึกซึ้งขึ้นเรื่อย ๆ มันเป็นความรู้สึกของแก่นข้างในมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวันนี้ก็จะคุยเรื่องของอนาคตมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้โอ้โหเพ้อฝันปั้นน้ำเป็นตัวอย่างนั้นไม่ใช่ แต่การสนทนามันก็เปลี่ยนไปความรู้สึกความใกล้ชิด ความคิดถึง ความโหยหามันก็มีมากขึ้นอารมณ์ความแน่นเฟ้นของความสัมพันธ์ก็มีมากขึ้นด้วยเพราะว่าเราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมากขึ้น มันก็ผูกพัน ทำอะไรก็จะนึกถึงกันและกันตลอด เห็นความสำคัญของความรู้สึกกันและกันมากขึ้น ปรึกษากันในทุก ๆ เรื่องถ้าเทียบว่าแต่ก่อนอยากไปไหนก็ไป อยากทำอะไรก็ทำ แต่ตอนนี้การได้ทำอะไรด้วยกันมันเป็นสิ่งที่เราปิ๊งเป็นเฟิร์สไอเดียมากกว่า”
ในอนาคตเห็นภาพตัวเองเป็นคุณพ่อและเห็นญาญ่าเป็นคุณแม่ยังไงบ้าง?
“จริง ๆ ก็มองเห็นเรื่องนั้นนะครับ ว่าแบบบางทีดูอะไรในรีล ยิ่งดูพวกเด็ก ๆ มันก็จะมีผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ ทำให้เราแชร์พวกนี้ด้วยกันว่าถ้าเกิดพวกเรามีลูกหรือเดินไปในห้างฯเจอสถานการณ์ของเด็กแบบนี้ เด็กโวยวายเราก็ถามเขาว่าถ้าเป็นเธอจะทำยังไง ส่วนใหญ่คำตอบของเราไม่ได้ครึ่งนึงของเขาเลย เหมือนเขาเป็นคนที่ค่อนข้างจะมีความคิดและค่อย ๆ เบรกความคิดแล้วก็ดูความเหมาะสม สมมุติว่าเขาจะสอนลูกอะไรบางอย่างเขาก็จะมีทริควิธีการหรือคำพูดที่ดูดีกว่าผม ผมเป็นแบบที่คิดอะไรได้แล้วก็พูดไปเลยอะไรประมาณนั้น เขาก็จะแชร์ให้เห็นอีกมุมนึงว่ามันมีอีกวิธีนึงที่เราจะต่อกรกับเจ้าซนได้ครับ (หัวเราะ)”
อยากให้พูดถึงญาญ่าในสิ่งยังไม่เคยพูดหรือบอกกับเขา?
“จริง ๆ ก็แทบจะบอกกันทุก ๆ วันแล้วนะครับ แล้วก็ไม่มีอะไรเลยที่ไม่เคยพูดกับเขาในความรู้สึก แต่ไหน ๆ มีโอกาสได้พูดก็อยากจะขอบคุณ คุณอุรัสยา เสปอร์บันด์นะคะ (ยิ้ม) ที่อยู่เคียงข้างกัน แล้วก็คอยซัพพอร์ตกันตลอดเวลา ผมเองก็จะซัพพอร์ตแล้วก็เป็นกำลังใจให้ แล้วก็เราจะมีความสุขกับการใช้ชีวิตไปด้วยกันตลอดไป”
ตื่นเต้นไหมที่จะแต่งงานแล้ว?
“ตื่นเต้นครับ แต่ว่าผมกับน้องญาญ่าจะมีไอเดียค่อนข้างเยอะ ไม่ใช่ในเชิงของความแหวกแนว แต่ก็มีไอเดียเยอะที่เราต้องใช้เวลา ที่จะไปถึงกระบวนการของไฟนอลงานแต่งจริง ๆ ระหว่างทางมันมีอะไรให้เราต้องทำและอยากที่จะทำ ไม่ใช่เรื่องงานนะครับ แต่เป็นเรื่องส่วนตัวที่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการก่อนที่จะไปถึงการแต่งงาน”
สุดท้ายอยากให้ฝากถึงแฟนคลับที่รักที่ซัพพอร์ตมาถึงตรงนี้สักหน่อย?
“ผมรู้สึกว่าพลังของความรักของแฟน ๆ ที่มีให้เรา ต่อให้ไม่ได้เป็นการเจอตัวต่อตัว แต่ผมรู้สึกว่ามวลตรงนั้นมันวิ่งผ่านกระแสของอนุภาพอากาศ เป็นเรื่องที่ฟังแล้วดูเหนือธรรมชาติ แต่ผมเชื่อว่าเหมือนรออธิษฐานขอพรจากพระเจ้าหรือขอพรพระพุทธเจ้า ผมรู้สึกว่ามันมีเอนเนอร์จี้ที่มันขึ้นมามันเป็นความรักความชื่นชม ความอยากให้กำลังใจ ความชื่นชอบ ความตื่นเต้น ความอะไรก็ตาม มวลตรงนี้มันส่งตรงมาหาผม และผมเชื่อว่าผมได้รับมันแน่นอน ทำให้ผมรู้สึกว่าผมมีกำลังใจและผมมีพลังในการที่จะทำงานในวันข้างหน้าต่อ ๆ ไป เป็นสิ่งที่เราหาจากที่ไหนไม่ได้ คนที่เราแทบจะไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ แต่เขารู้สึกว่าเขาหลงรักในผลงานของเรา หลงรักในตัวเราอยากที่จะคอยเฝ้ามองเราเติบโตไปในอนาคต มันเป็นสิ่งที่วิเศษมากขอบคุณทุก ๆ คนมาก ๆ ที่มอบสิ่งดี ๆ ให้กับผม และผมเชื่อว่าทุกคนจะไม่ผิดหวังที่จะเดินทางกับผมไปเรื่อย ๆ และคอยเฝ้ามองดูผมเติบโตไปในอนาคต ผมเชื่อว่าจะมีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นหลังจากนี้ระหว่างเราทั้งสองฝ่ายแน่นอนครับ”
ยิ่งได้คุยและยิ่งรู้จัก “ณเดชน์ คูกิมิยะ” มากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งตกหลุมรักในความแสนดีและการเป็นคนที่มีทัศนคติที่ดีต่อทุกเรื่องเสมอ เชื่อได้ว่าในอนาคตไม่ว่าจะมีดาวดวงใหม่เกิดขึ้นมากมายขนาดไหน แต่ “ณเดชน์” จะยังคงเป็น “ดาวค้างฟ้า” ที่แฟน ๆ รักและรอดูเขาในพาร์ตต่าง ๆ ของชีวิตที่เติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ แน่นอน
